วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

100 ปีพระราชวังสนามจันทร์ ภาพฝันแห่งวันวาร


ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม २५५०ที่ผ่านมา จังหวัดนครปฐมดูจะคึกคักและมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะมีผู้คนจากทั่วสารทิศมาเที่ยวชมงานพระปฐมเจดีย์ประจำปี๒๕๕๐ และงานประเพณีลอยกระทงแล้ว ยังมีงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ของสถานที่อันเป็นศรีสง่าและเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวจังหวัดนครปฐม นั่นคือ งานฉลองครบรอบ๑๐๐ปี พระราชวังสนามจันทร์ นอกจากเป็นการเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ ๕ ธันวาคมนี้แล้ว ยังเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่๖) ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นอีกด้วย


พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ทางใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์ประมาณ ๒กิโลเมตร และอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยศิลปากร มีพื้นที่๘๘๘ไร่ ๓งาน ๒๔ ตารางวา บริเวณที่สร้างพระราชวังสนามจันทร์นี้เป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์ในสมัยโบราณ เรียกว่าเนินปราสาท การก่อสร้างนี้มี หลวงพิทักษ์มานพ (น้อย ศิลปี ซึ่งต่อมาเลื่อนยศเป็นพระยาวิศุกรรม ศิลปประสิทธิ์) เป็นแม่งาน ใช้เวลาสร้างถึง 4 ปีด้วยกัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยลงใน พ.ศ.2450 รัชกาลที่ 6 พระราชทานนามให้ว่า "พระราชวังสนามจันทร์" โดยนำชื่อมาจากสระน้ำใหญ่หน้าโบสถ์พราหมณ์ที่อยู่ใกล้ๆกับบริเวณเนินปราสาทนั่นเอง

แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันก้าวย่างสู่สถานที่แห่งนี้ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าสร้างความตื่นตาตื่นใจอย่างประหลาด พระที่นั่งทั้ง ๔ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตก อันประกอบด้วย พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี พระที่นั่งพิมานปฐม พระที่นั่งวัชรีรมยาและพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ ดูเปล่งประกายงดงามภายใต้รัศมีดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า เสียงเพลงไทยเดิมคลอเบาๆ ยิ่งเพิ่มมนต์ขลังและทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนไปในอดีต ประกอบกับหลอดไฟสีส้มร้อยเป็นพวงระย้าประดับตามต้นไม้ดูระยิบระยับตา และทำให้พระที่นั่งและพระตำหนักต่างๆดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ยิ่งได้ชมการสวนสนามของลูกเสือที่เดินแถวบรรเลงเพลงมาร์ชอย่างพร้อมเพรียงกัน ทำให้เกิดความซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันจึงเลือกที่จะเดินชมรอบๆบริเวณงานเพื่อซึมซับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งอดีต พลางจินตนาการไปว่า ณ ที่ที่เรายืนอยู่นี้ เมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้วจะมีความยิ่งใหญ่สวยงามเพียงไร ขณะที่เราเหยียบย่างลงบนผืนดินแห่งนี้ คงต้องมีสักก้าวที่ได้ประทับลงบนรอยพระบาทของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และข้าราชบริพารคนสำคัญ เพียงแค่คิดก็ทำให้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งแล้ว


สิ่งที่ฉันประทับใจในงานเฉลิมฉลองหนึ่งร้อยปีพระราชวังสนามจันทร์นี้ก็คือ ความสวยงามของพระที่นั่ง และพระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นและทรงพระราชทานนามไว้อย่างไพเราะคล้องจองกัน ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บุคคลคลภายนอกเข้าชมได้แก่ พระที่นั่งพิมานปฐม พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี พระที่นั่งวัชรีรมยา พระที่นั่งสามัคคียมุขมาตย์ เทวาลัยคเณศร์ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระตำหนังมารีราชรัตบัลลังก์ และพระตำหนักทับขวัญ


สถาปัตยกรรมหลากรูปแบบของพระที่นั่งและพระตำหนักแต่ละองค์ รวมทั้งเรือนข้าราชบริพารที่รายล้อมนั้น มีลักษณะเฉพาะตัวที่สวยงามโดดเด่นในตัวเอง บางพระที่นั่งเป็นศิลปะไทยแท้ ดูอ่อนช้อย วิจิตรงดงาม บางพระที่นั่งเป็นศิลปะตะวันตก ให้อารมณ์ชวนฝัน อ่อนโยน ละมุนละไม แฝงด้วยความยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจ แต่เมื่อมองในภาพรวมของทั้งพระราชวังสนามจันทร์นี้แล้ว ความแตกต่างของสถาปัตยกรรมเหล่านี้กลับผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีพระราชวังไหนเทียบได้


การเที่ยวชมพระราชวังสนามจันทร์ในครั้งนี้นอกจากจะได้รับความเพลิดเพลินบันเทิงใจจากการชมความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมต่างๆแล้ว ในงานนี้ยังจัดให้มีมหรสพต่างๆที่นับวันจะเริ่มหาดูได้ยาก เช่น โขน รำ ฟ้อน และละครดึกดำบรรพ์ นาฏศิลป์เหล่านี้สมควรอย่างยิ่งที่จะนำมาจัดแสดง เผยแพร่ ให้คนภายนอกได้ดูได้ชม และมีการสืบทอดแก่คนรุ่นหลังโดยปลูกฝังให้รักและ หวงแหนศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของชาตินี้ สำหรับฉันเองนั้นได้มีโอกาสชมโขนเบิกโรง เรื่องพระคเณศร์เสียงา ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้รู้จักบทละครเรื่องนี้จากวิชาวรรณคดีสมัยรัชกาลที่๖ เมื่อได้มาชมโขนในงานนี้แล้ว ทำให้ฉันซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งเพราะหาโอกาสที่จะชมการแสดงที่ดีเช่นนี้ได้ยากเหลือเกิน ตัวละครแต่ละตัวแสดงได้อ่อนช้อย แต่แฝงไปด้วยความทรงพลังที่สะกดสายตาคนดู โดยเฉพาะตอนรำฉุยฉาย นอกจากกระบวนกลอนจะมีความไพเราะแล้ว ท่ารำยังงดงามอ่อนช้อยเครื่องแต่งกายของตัวละครยามเมื่อต้องแสงไฟทำให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้เสียงพากษ์ที่ดังกังวานไพเราะเสนาะหู ยิ่งทำให้โขนเบิกโรงเรื่องนี้น่าดูน่าชมยิ่งขึ้น


นอกจากนี้ในงานยังมีการออกร้านของโครงการต่างๆ ซึ่งแต่ละร้านก็ได้เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน และพระกรณียกิจของพระบรมวงศานุวงศ์ ทำให้เราเห็นว่าพระมหากษัตริย์และพระบรมศานุวงศ์ต้องทรงงานหนักเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆและช่วยเหลือประชาชนทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาสักเพียงไร ทุกพระองค์ก็ทรงเป็นขวัญและกำลังใจเสมอมา ด้วยพระจริยวัตรอันงดงามและพระราชดำริที่เป็นประโยชน์จึงไม่แปลกที่คนไทยได้ถวายความจงรักภักดีและเทิดทูนไว้สูงสุด


เป็นเวลากว่า๑๐๐ ปีแล้วที่พระราชวังสนามจันทร์ได้สถิต์อยู่ ณ จังหวัดนครปฐม จังหวัดที่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรทวาราวดีที่ยิ่งใหญ่ และมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน แม้กาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆไปมาก จนภาพของความยิ่งใหญ่สวยงามของพระราชวัง สนามจันทร์ในขณะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ได้เลือนลางจนกลายเป็นเพียงภาพฝัน แต่กระนั้นก็ยังไม่จางหายไป ในงานนี้นอกจาก เราจะได้เห็นความสวยงามที่แฝงไปด้วยความยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจของพระราชวังสนามจันทร์แล้ว เรายังได้รับความรู้ ความบันเทิงจากมหรสพมากมายด้วย เหนือสิ่งอื่นใดในงานนี้ภาพฝันแห่งวันวารได้แจ่มชัดขึ้นอีกครั้งในรอยตาและรอยใจของผู้เข้าชมงานทุกคน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัติย์ผู้เป็นจอมปราชญ์ “ พระมหาธีรราชเจ้า” ของปวงชนชาวไทย

ไม่มีความคิดเห็น: